ภาพพุทธประวัติ : ประสูติพระโพธิสัตว์


ประสูติพระโพธิสัตว์

032-ประสูติพระโพธิสัตว์

 ภาพพระโพธิสัตว์ขณะทรงประสูติเสด็จย่างพระบาทไปบนดอกบัวใหญ่ 7 ก้าว ณ ก้าวที่ 7 ทรงบันลือสีหนาทเปล่งวาจาอันองอาจ ว่าเราเป็นผู้เลิศในโลก เราเป็นผู้ใหญ่ในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐสุดในโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย การเกิดอีกมิได้มี

 

พระนางมหามายาเทวีทรงบริบาลพระครรภ์ครบ 10 เดือน เมื่อพระครรภ์แก่เต็มที่แล้ว มีพระราชประสงค์จะเสด็จไปยังเรือนแห่งพระญาติที่เทวทหนคร พระนางได้กราบทูลพระเจ้าสุทโธทนะ พระราชาทรงอนุญาตแล้ว มีรับสั่งให้ทำหนทางจากกรุงกบิลพัสดุ์จนถึงกรุเทวทหะให้ราบเรียบ ตกแต่งประดับประดาด้วยธงชายธงผ้าเป็นต้น ให้พระนางประทับนั่งในสีวิกาทอง มีเหล่าอำมาตย์เป็นผู้หาม ทรงส่งพระนางไปพร้อมด้วยราชบริพารกลุ่มใหญ่

ระหว่างทาง ผ่านอุทยานชื่อ ลุมพินี สมัยนั้นต้นสาละออกดอกบานสะพรั่ง ตั้งแต่โคนต้นจนถึงปลายกิ่ง หมู่ภมร และหมู่มวลวิหคนานัปการ ร่ำร้องอยู่ด้วยเสียงอันไพเราะ ระหว่างกิ่งระหว่างดอกทั้งหลายเป็นที่น่ารื่นรมย์ พระนางทอดพระเนตรเห็นดังนั้น มีพระประสงค์จะแวะชม จึงเสด็จเข้าไปยังโคนต้นสาละอันเป็นมงคล เมื่อพระนางมีพระประสงค์จะจับกิ่งใด กิ่งนั้นก็น้อมลงมาเองจนถึงพระหัตถ์

ขณะที่พระนางประทับยืนจับกิ่งสาละนั้น ลมกัมมัชวาตก็เกิดปั่นป่วน ลำดับนั้นเหล่าราชบริพารจึงกั้นพระวิสูตรแก่พระนางแล้วหลีกไป พระนางเมื่อประทับยืนจับกิ่งสาละอยู่นั้น พระโพธิสัตว์ก็ประสูติจากพระครรภ์ของพระนาง

ขณะนั้นเอง ท้าวมหาพรหมจากชั้นสุทธาวาส 4 พระองค์ ก็ถือข่ายทองมารองรับพระโพธิสัตว์และทูลว่า ข้าแต่พระเทวี ขอพระองค์ทรงดีพระทัยเถิด พระราชบุตรผู้มีศักดาใหญ่ทรงอุบัติขึ้นแล้ว ก็สัตว์อื่นๆเมื่อออกจากครรภ์มารดา ย่อมแปดเปื้อนด้วยสิ่งปฏิกูลต่างๆ แต่พระโพธิสัตว์นั้นเหยียดพระหัตถ์ทั้งสองและพระบาททั้งสอง ยืนออกจากพระครรภ์ของพระชนนีประดุจพระธรรมกถึกลงจากธรรมาสน์ ไม่เปรอะเปื้อนด้วยสิ่งปฏิกูลใดๆที่มีอยู่ในพระครรภ์ของพระชนนี บริสุทธิ์รุ่งโรจน์ประดุจแก้วมณีที่วางไว้บนผ้ากาสิกพัสตร์ ขณะนั้นสายธารสองสายพลุ่งลงมาจากอากาศ โสรจสรงพระสรีระของพระโพธิสัตว์และพระชนนี เพื่อสักการะแต่ทั้งสองพระองค์

ลำดับนั้น ท้าวมหาราชทั้งสี่ รับพระโพธิสัตว์จากหัตถ์ของท้าวมหาพรหม ด้วยเครื่องลาดอันทำด้วยหนังเสือดาวที่มีสัมผัสอ่อนนุ่ม ซึ่งสมมติกันว่าเป็นมงคล ต่อมาพวกข้าราชบริพารก็นำพระยี่ภู่ที่ทำด้วยผ้าทุกูลพัสตร์ (เบาะผ้าเนื้อดี) เข้ามารับจากหัตถ์ของท้าวมหาราชทั้งสี่นั้น พอพ้นจากหัตถ์ของทวยเทพ พระโพธิสัตว์ประทับยืนบนแผ่นดิน ทอดพระเนตรดูทางทิศตะวันออก จักรวาลทั้งหลายได้เป็นดุจลานอันเดียวกัน พวกเทวดาและมนุษย์ในที่นั้น ต่างพากันบูชาด้วยของหอมและดอกไม้ กราบทูลว่า ข้าแต่มหาบุรุษ ผู้ที่เสมือนกับพระองค์ในที่นี้ไม่มี

พระโพธิสัตว์ทรงมองตรวจดูทิศใหญ่ทิศน้อยตลอดทั้ง 10 ทิศ ก็มิได้ทรงเห็นผู้ใดที่เสมือนกับพระองค์ จึงบ่ายพระพักตร์มุ่งสู่ทิศเหนือ เสด็จย่างพระบาทไป 7 ก้าว มีท้าวมหาพรหมกั้นเศวตฉัตร ท้าวสุยามะเทวบุตรถือพัดวาลวีชนี เทวดาเหล่าอื่นถือเครื่องราชกกุธภัณฑ์เดินตามเสด็จ พระโพธิสัตว์เสด็จดำเนินไปบนพื้นดินโดยไม่มีอาภรณ์ปกปิด แต่ปรากฏแก่สายตาของมหาชน เหมือนทรงดำเนินไปในอากาศ เหมือนประดับตกแต่งพระองค์ และเหมือนมีพระชนมายุ 16 พรรษา จากนั้นประทับยืน ณ ก้าวที่ 7 ทรงบันลือสีหนาทเปล่งอาสภิวาจา (วาจาอันองอาจ) ว่า

            อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส, เชฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส, เสฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส, อยมนฺติมา ชาติ นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว.

 เราเป็นผู้เลิศในโลก เราเป็นผู้ใหญ่ในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐสุดในโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย การเกิดอีกมิได้มี

Go to Top

ลายไทยปิดบรรทัด

กลับไปที่ภาพชุด