ภาพสุเมธดาบสนอนคว่ำหน้าทอดตนเป็นสะพานเพื่อให้พระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้าเดินผ่านโคลนตม
คลิกเพื่อฟัง
ในมธุรัตถวิลาสินี อรรถกถา ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ กล่าวว่า ในครั้งอดีต พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ มีนามว่า สุเมธ อยู่ในพระนคร อมรวดี เรียนจบไตรเพท เมื่อบิดามารดาหาชีวิตไม่แล้ว สิริวัฑฒกะ ผู้ดูแลทรัพย์สินได้นำบัญชีทรัพย์สินมาแสดง แล้วเปิดคลังที่เต็มด้วยทอง เงิน แก้วมณี และมุกดา แจ้งทรัพย์สินตั้งแต่ 3 ชั่วตระกูลว่า ทรัพย์ประมาณเท่านี้เป็นของบิดามารดา ประมาณเท่านี้เป็นของปู่ ย่า ตา ยาย และทวดของท่าน แล้วกล่าวว่าขอท่านจงปกครองทรัพย์สินนี้เถิด
สุเมธบัณฑิต คิดว่าญาติทั้งหลายมีบิดามารดาของเรา เป็นต้น อุตส่าห์รวบรวมทรัพย์สินเหล่านี้ไว้เป็นอันมาก ถึงอย่างนั้นเมื่อจะไปสูปรโลก ก็ถือเอาไปมิได้แม้แต่กหาปณะเดียว ควรที่เราจักทำเหตุแห่งการถือเอาไปได้ จึงกราบทูลแก่พระราชา ให้ตีกลองป่าวประกาศในพระนคร บริจาคทานแก่มหาชน แล้วออกบวชเป็นดาบสบำเพ็ญพรตอยู่ ณ บรรณศาลาที่ภูเขาชื่อว่า ธรรมิก ไม่ไกลจากป่าหิมพานต์ เมื่อครบ 7 วัน ก็ได้บรรลุกำลังแห่งอภิญญา 5 สมาบัติ 8
ในกาลนั้น พระบรมศาสดาพระนามว่า ทีปังกร เสด็จอุบัติขึ้นในโลก ตรัสรู้แล้วทรงแสดงพระธรรมจักรให้เป็นไป พระองค์พร้อมด้วยพระขีณาสพแวดล้อม เสด็จจาริกไปยังคามนิคมและราชธานี เพื่ออนุเคราะห์บรรดาสัตว์โลกให้ล่วงพ้นสังสารวัฏ ได้เสด็จมายัง รัมมนคร อันเป็นสถานที่ประสูติ
บรรดาอุบาสกอุบาสิกาชาวรัมมนครสดับข่าวว่า พระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า กำลังเสด็จมาสู่เมืองของพวกตน ต่างพากันแผ้วถางตกแต่งมรรคา เพื่อต้อนรับเสด็จอย่างสมพระเกียรติ
เหล่ามหาชนเตรียมจัดสร้างมณฑป ประดับประดาด้วยพวงดอกไม้ของหอม ปูลาดพระพุทธอาสน์อันอบร่ำด้วยของหอม ยกธงปฏาก ยกธงชัยและธงแผ่นผ้าหลากสี แล้วแผ้วถางทางที่พระทีปังกรพุทธเจ้าจะเสด็จดำเนินผ่านให้เรียบร้อย ที่ใดเป็นที่ลุ่มก็นำดินมาถมให้ได้ระดับเสมอกัน เพื่อความสะดวกของพระพุทธองค์และสงฆ์สาวก
ครั้งนั้น สุเมธดาบสประสงค์จะไปยังป่าหิมพานต์ด้านทิศเหนือ จึงเข้าจตุตถฌาน มีอภิญญาเป็นบาท ออกจากฌานแล้วเหาะไป เมื่อมองลงมา เห็นคนทั้งทั้งหลายกำลังร่าเริงยินดี พากันแผ้วถางและตกแต่งหนทางอยู่ จึงลงมาถามว่า ท่านผู้เจริญ พวกท่านแผ้วถางทางนี้เพื่อผู้ใด ชนเหล่านั้นกล่าวว่าเพื่อประโยชน์แก่ พระทีปังกรพุทธเจ้า
สุเมธดาบสได้สดับดังนั้น บังเกิดปีติโสมนัส คิดว่าอย่าให้กาลเช่นนี้ล่วงไปเลย กล่าวกับมหาชนว่า หากท่านแผ้วถางทางเพื่อพระพุทธเจ้า ก็ขอจงให้โอกาสแก่เราบ้างเถิด แม้เราก็จักแผ้วถางทางอันเป็นที่เสด็จดำเนินของพระพุทธเจ้าร่วมกับพวกท่านด้วย
ขณะที่สุเมธดาบสตกแต่งทางนั้นยังไม่สำเร็จเรียบร้อย พระทีปังกรพุทธเจ้าแวดล้อม ด้วยพระขีณาสพทั้งหลายก็เสด็จมาถึงตรงทางนั้น เทวดาและมนุษย์ต่างปรีดาปราโมทย์ แซ่ซ้องสาธุการ ประคองอัญชลีตามเสด็จพระตถาคต สุเมธดาบสเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้ากำลังเสด็จใกล้เข้ามา คิดว่า วันนี้เราควรสละชีวิตเพื่อพระทศพล จึงสยายผม ปูลาดแผ่นหนังลงบนเปือกตม นอนคว่ำหน้าทอดตนเป็นสะพานเพื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยคิดว่าขอพระพุทธเจ้าจงทรงเหยียบหลังเรา เสด็จข้ามไปพร้อมกับพระขีณาสพทั้งหลาย เสมือนทรงเหยียบสะพานเถิด
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จใกล้เข้ามาโดยลำดับ สุเมธดาบสได้เห็นพระรูปโฉมของพระทีปังกรพุทธเจ้า อันประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ 32 ประการ พร้อมอนุพยัญชนะ 80 เปล่งพระพุทธรัศมีงดงาม สุเมธดาบสก็ยิ่งเกิดปีติเลื่อมใส ตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าอธิษฐานว่า เราจักบรรลุพระสัพพัญญุตญาณเป็นพระพุทธเจ้าในโลก จักยังมนุษยโลก พร้อมทั้งเทวโลกให้ข้ามพ้นโอฆะ (ห้วงน้ำคือกิเลสของหมู่สัตว์) ด้วยกุศลอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
กลับไปที่ภาพชุด |