ชุด ๔ ภาพที่ ๖ มกุฎพันธนเจดีย์ ที่ประดิษฐานสถูปบรรจุพระสรีระของพระคถาคต


ชุด๔ ภาพที่ ๖ มกุฎพันธนเจดีย์ ที่ประดิษฐานสถูปบรรจุพระสรีระของพระคถาคต
 ภาพมกุฎพันธนเจดีย์ ที่ประดิษฐานสถูปบรรจุพระสรีระของพระคถาคต ถูกสร้างไว้ในหนทางใหญ่สี่แพร่ง

         สมัยนั้น ปาโมกข์ ๔ องค์ ดำริว่าเราจักยังไฟให้ติดจิตกาธานของพระผู้มีพระภาคเจ้า แต่ไม่ว่าจะกระทำโดยประการใด ก็มิอาจยังไฟให้ติดได้ พวกเจ้ามัลละกุสินาราเห็นเหตุการณ์นั้นจึงถามท่านพระอนุรุทธะว่า อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัย ที่ปาโมกข์ทั้ง ๔ มิอาจยังไฟให้ติดจิตกาธานได้

         พระอนุรุทธะกล่าวว่า พวกเทวดามีความประสงค์อย่างหนึ่ง

         มัลลปาโมกข์ถามว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พวกเทวดามีความประสงค์อย่างไร

         พระอนุรุทธะตอบว่า ขณะนี้ ท่านพระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ประมาณ ๕๐๐ รูป กำลังเดินทางจากเมืองปาวามาสู่กรุงกุสินารา ตราบใด ที่ท่านพระมหากัสสปะและภิกษุสงฆ์เหล่านั้นยังเดินทางมาไม่ถึง และจนกว่าท่านพระมหากัสสปะและภิกษุสงฆ์นั้นจะได้ถวายบังคมพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ตราบนั้น จิตกาธานของพระผู้มีพระภาคเจ้าจักยังไม่ลุกโพลงขึ้น มัลลปาโมกข์กล่าวว่า ขอให้เป็นไปตามความประสงค์ของพวกเทวดาเถิด

ถวายพระเพลิง

         เมื่อพระมหากัสสปะเดินทางมาถึงมกุฏพันธนเจดีย์ เข้าไปยังจิตกาธานของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว กระทำจีวรเฉวียงบ่าประนมอัญชลี กระทำประทักษิณจิตกาธาน ๓ รอบ ถวายบังคมทางด้านพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วพระเถระก็ยืนอยู่ ณ ที่นั้น เข้าจตุตตถฌานอันเป็นบาทแห่งอภิญญา ออกจากฌานแล้วอธิษฐานว่า ขอพระยุคลบาทของพระทศพลจงชำแรกออกมาให้เห็นประจักษ์ด้วยเถิด

         พร้อมด้วยจิตอธิษฐาน พระยุคลบาทก็ชำแรกออกมา พระเถระเหยียดมือทั้งสองไปจับพระยุคลบาทของพระบรมศาสดา ยกขึ้นมาประดิษฐานไว้เหนือเศียรเกล้าของตน ภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านั้น ก็ถวายบังคมด้วยเศียรเกล้า มหาชนเห็นความอัศจรรย์ดังนั้น พากันร้องไห้คร่ำครวญยิ่งกว่าครั้งปรินิพพาน แล้วบูชาด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้น

         เมื่อท่านพระมหากัสสปะและภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านั้น ถวายบังคมแล้ว จิตกาธานของพระผู้มีพระภาคเจ้าก็โพลงขึ้นเอง เปลวไฟได้ลุกขึ้นพร้อม ๆ กันทุกด้าน ด้วยอานุภาพของเทวดา

         บรรดาผ้า ๕๐๐ ผืนเหล่านั้น เพลิงมิได้ไหม้ผ้าเพียง ๒ ผืน คือผืนในที่สุดกับผืนนอกขณะที่ไฟกำลังไหม้จิตกาธาน เปลวไฟพุ่งขึ้นระหว่างกิ่ง ค่าคบ และใบของต้นสาละที่ยืนต้นล้อมจิตกาธานอยู่ ใบ กิ่ง หรือดอกมิได้ไหม้เลย

          เมื่อพระสรีระของพระผู้มีพระภาคเจ้าถูกเพลิงไหม้แล้ว สายธารก็ไหลหลั่งตกลงมาจากอากาศ พลุ่งออกจากลำต้นของต้นสาละเหล่านั้น และพลุ่งชำแรกพื้นดินขึ้นมาโดยรอบเพื่อดับจิตกาธานของพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นดับจิตกาธานแล้ว สิ่งที่ยังเหลืออยู่คือพระบรมสารีริกธาตุ อันมีสีดุจดอกมะลิ แก้วมุกดา และทองคำ

เรียบเรียงจากหนังสือ พระพุทธประวัติ โดย สุรีย์ มีผลกิจ

Go to Top

กลับไปที่ภาพชุดที่ ๔