ภาพที่ ๕ นางสุชาดา และนางปุณณาทาสี ทูนถวายถาดข้าวมธุปายาสพระโพธิสัตว์ ด้วยสำคัญว่าเป็นรุกขเทวดา ที่จะมารับเครื่องพลีกรรมของนาง |
สมัยนั้น นางสุชาดา บังเกิดในเรือนของเสนานิกุฎุมพี ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม เจริญวัยแล้วได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อเทวดาที่ต้นไทรต้นหนึ่งว่า ถ้าข้าพเจ้าไปสู่เรือนสกุลที่มีชาติเสมอกัน 1 ได้บุตรชายในครรภ์แรก 1 ข้าพเจ้าจักทำพลีกรรม ด้วยการถวายข้าวมธุปายาสแก่ท่าน บัดนี้ ความปรารถนาทั้งสองประการสำเร็จแล้ว จึงประสงค์จะทำพลีกรรมในวันเพ็ญเดือน 6 แต่เช้าตรู่
ครั้นเวลาใกล้รุ่ง นางได้ตระเตรียมหุงข้าวมธุปายาสอันมีรสเลิศด้วยตนเอง เมื่อนางกำลังหุงข้าวปายาสอยู่ ฟองใหญ่ผุดขึ้นไหลวนเป็น ทักขิณาวัฏ น้ำนมแม้จะแตกออกก็ไม่กระเด็นออกไปข้างนอก ควันไฟแม้มีประมาณมาก ก็ไม่ลอยออกจากเตาไฟ
ขณะนั้น ท้าวจตุโลกบาลมาถือการอารักขาที่เตาไฟ ท้าวมหาพรหมกั้นฉัตร ท้าวสักกะนำฟืนมาใส่ไฟให้ลุกโพลงอยู่ เทวดาทั้งหลายรวบรวมเอาโอชะในทวีปใหญ่ทั้ง 4 มาใส่ลงในภาชนะที่หุงข้าวมธุปายาสนั้นด้วยเทวานุภาพของตน ปกติในเวลาอื่น เทวดาใส่โอชะลงในคำข้าวของพระโพธิสัตว์ แต่ในวันนั้น อันเป็นวันพระองค์จักบรรลุ พระสัมมาสัมโพธิญาณ เทวดาใส่โอชะลงในภาชนะนั้นเลยทีเดียว
นางสุชาดาได้เห็นความอัศจรรย์มิใช่น้อย ซึ่งปรากฏแก่ตน ณ ที่นั้น จึงเรียกนางปุณณาทาสีว่า แม่ปุณณา วันนี้เทวดาของพวกเราน่าเลื่อมใสยิ่งนัก เราไม่เคยเห็นความอัศจรรย์ปานนี้ เธอจงรีบไปจัดเตรียมสถานที่บริเวณต้นไทร เพื่อจะทำพลีกรรมโดยเร็ว นางปุณณาทาสีรับคำแล้ว รีบด่วนไปยังต้นไทรนั้นทันที
มหาสุบินนิมิต 5 ประการ
ในคืนก่อนตรัสรู้ พระโพธิสัตว์ทรงมีมหาสุบิน 5 ประการ คือ
- ประการแรก พระองค์ทรงบรรทมบนพื้นดิน หันพระเศียรไปด้นทิศเหนือ มีขุนเขาหิมวันต์เป็นเขนย พระหัตถ์ซ้ายหย่อนลงไปในมหาสมุทรด้านทิศตะวันออก พระหัตถ์ขวาหย่อนลงไปในมหาสมุทรด้านทิศตะวันตก พระบาททั้งสองหย่อนลงไปในมหาสมุทรด้านทิศใต้ เป็นนิมิตให้ทราบว่า พระองค์จักได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ อันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า
- ประการที่สอง หญ้ากุสะ (หญ้าคา) งอกออกมาจากพระนาภีของพระองค์ แล้วเจริญเติบโตสูงขึ้นไปในท้องฟ้า เป็นนิมิตให้ทราบว่า เมื่อพระองค์ตรัสรู้อริยมรรคมีองค์ 8 แล้ว จักทรงประกาศแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
- ประการที่สาม หมู่หนอนตัวสีขาวศีรษะดำ ไต่ขึ้นมาจากพระบาทตลอดจนถึงพระชานุของพระองค์ เป็นนิมิตให้ทราบว่า เหล่าคฤหัสถ์จำนวนมาก จักขอถึงพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสรณะตลอดชีวิต
- ประการที่สี่ นกสี่เหล่า มีสีต่างกันมาจากทิศทั้งสี่ ตกลงแทบพระบาทของพระองค์แล้วกลับกลายเป็นสีขายเหมือนกันทุกตัว เป็นนิมิตให้ทราบว่า วรรณสี่คือ พราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ ศูทร เมื่อออกบวชตามธรรมวินัยแล้ว สามารถทำให้แจ้งซึ่งวิมุตติ อันเป็นทางแห่งความหลุดพ้นที่ยอดเยี่ยม
- ประการสุดท้าย พระองค์เสด็จดำเนินไปบนภูเขาซึ่งเต็มไปด้วยคูถ ก็มิได้ทรงแปดเปื้อนคูถแต่ประการใด เป็นนิมิตให้ทราบว่า พระองค์จักไม่ลุ่มหลง พัวพัน และหมกมุ่นในปัจจัยสี่ มีปกติเห็นโทษ มีปัญญาเปลื้องตนให้พ้นจากทุกข์ได้
พระโพธิสัตว์ทรงพิจารณามหาสุบินทั้ง 5 ประการแล้ว แน่พระทัยว่า เราจักได้ตรัสรู้เป็พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันนี้โดยไม่ต้องสงสัย
ครั้นเวลาใกล้รุ่ง พระองค์ทรงปฏิบัติพระสรีระแล้ว จึงเสด็จมาประทับนั่งยังโคนต้นไทร เพื่อรอเวลาภิกขาจาร ทรงยังไทรต้นนั้นให้สว่างไสวด้วยพระรัศมีของพระองค์
นางปุณณาทาสี ได้เห็นพระโพธิสัตว์ประทับนั่งที่โคนไม้ กำลังทอดพระเนตรดูโลกธาติด้านทิศตะวันออกอยู่ เห็นต้นไทรสว่างไสวมีสีดุจทองคำ ด้วยพระรัศมีอันซ่านออกจากพระวรกายของพระโพธิสัตว์ นางคิดว่า วันนี้เทวดาของเราทั้งหลาย เห็นจะลงจากต้นไม้มานั่งเพื่อจะรับพลีกรรมด้วยตนเองทีเดียว จึงรีบกลับไปบอกเนื้อความนั้นแก่นางสุชาดา
นางสุชาดาฟังคำของนางปุณณาทาสีแล้วมีใจยินดี รีบนำถาดทองมาด้วยประสงค์จะใส่ข้าวมธุปายาส ขณะนั้นข้าวมธุปายาสทั้งหมดได้ไหลลงมาในถาด เสมือนหยาดนั้นกลิ้งมาจากใบปทุม ข้าวมธุปายาสนั้นมีปริมาณเต็มถาดพอดี นางเอาถาดทองใบอื่นครอบถาดใบนั้น ห่อหุ้มด้วยผ้าขาว ตนเองประดับกายด้วยเครื่องประดับอันล้ำค่า ทูนถาดข้าวมธุปายาสไว้บนศีรษะมือถือคนโทน้ำทองคำ รีบไปยังโคนต้นไทรนั้นด้วยความปิติ เห็นพระโพธิสัตว์แล้วนางเกิดความโสมนัสเป็นกำลัง ด้วยสำคัญว่าเป็น รุกขเทวดา ที่จะมารับเครื่องพลีกรรมของนาง จึงค้อมตัวเดินไปจำเดิมแต่ที่ได้เห็น นางปลงถาดลงจากศีรษะ เปิดผ้าคลุมพร้อมทั้งถาดใบที่ครอบออกถือถาดข้าวมธุปายาส และคนโทน้ำอันบรรจุน้ำที่อบด้วยดอกไม้หอม เข้าไปเพื่อถวายพระโพธิสัตว์
ที่ท้าวฆฏิการมหาพรหมถวาย ไม่เคยได้ห่างพระโพธิสัตว์มาตลอดเวลา ขณะนั้นมิได้อยู่ใกล้ ณ ที่นั้น พระโพธิสัตว์เมื่อแลไม่เห็นบาตรจึงเหยียดพระหัตถ์ออกรับ นางสุชาดาวางถาดทองข้าวปายาสลงบนพระหัตถ์ของพระโพธิสัตว์ ทูลว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอท่านจงถือเอาข้าวมธุปายาส ที่ข้าพเจ้าถวายนี้เถิด นางถวายบังคมแล้วทูลอีกว่า มโนรถของดิฉันสำเร็จแล้วฉันใด แม้มโนรถของท่านก็จงสำเร็จ ฉันนั้น นางถวายข้าวมธุปายาสพร้อมทั้งถาดทองซึ่งมีราคาตั้งแสนโดยไม่เสียดายเลย แล้วหลีกไป
พระโพธิสัตว์เสด็จลุกขึ้นจากที่ประทับนั่ง กระทำประทักษิณต้นไทร แล้วถือถาดนั้นเสด็จไปยังฝั่งน้ำ เนรัญชรา ที่ท่าน้ำชื่อว่า สุปติฏฐิตะ ซึ่งเป็นสถานที่ทรงสรงสนานของพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ทรงวางถาดลง เสด็จลงสรงสนาน เสร็จแล้วนุ่งห่มธงชัยแห่งพระอรหันต์ อันเป็นเครื่องนุ่งห่มของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ประทับนั่งผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ทรงกระทำข้าวมธุปายาสนั้นให้เป็น 49 ปั้น ปั้นหนึ่งมีประมาณจาวตาล แล้วเสวย ซึ่งเป็นพระกระยาหารมื้อสุดท้ายก่อนตรัสรู้ ข้าวมธุปายาสทั้งหมดนั้นได้เป็นอาหารอยู่ 49 วัน สำหรับพระโพธิสัตว์ ผู้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ขณะปรับอยู่ที่โพธิมณฑลตลอด 7 สัปดาห์
Go to Top
กลับไปที่ภาพชุดที่ ๒ |