ชุดที่ ๒ ภาพที่ ๑ ภาพที่ ๑ ภาพเหตุแห่งการเสด็จออกบรรพชา เจ้าชายสิทธัตถะทอดพระเนตรเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย ซึ่งเป็นความน่าสังเวชของสรีระ ก่อนทรงตัดสินใจออกบรรพชา


ชุด๒-ภาพที่๑-เหตุแห่งการเสด็จออกบรรพชา

ภาพเหตุแห่งการเสด็จออกบรรพชา เจ้าชายสิทธัตถะทอดพระเนตรเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย
ซึ่งเป็นความน่าสังเวชของสรีระ ก่อนทรงตัดสินใจออกบรรพชา

วันหนึ่งพระโพธิสัตว์มีพระประสงค์จะเสด็จประพาสพระราชอุทยาน สารถีได้ประดับรถอันเป็นราชพาหนะ ด้วยเครื่องอลังการที่ยิ่งใหญ่ มีสิริสง่าด้วยพวงดอกไม้มีกลิ่นหอมต่างๆเทียมด้วยม้าสินธพอันเป็นมงคล 4 ตัว เสด็จไปสู่พระราชอุทยาน

เทวดาทั้งหลายดำริกันว่า กาลที่จะตรัสรู้ของ เจ้าชายสิทธัตถะ ใกล้เข้ามาแล้ว พวกเราจักแสดงบุพนิมิตแก่พระองค์ จึงสำแดงกายเป็นบุรุษผู้หนึ่ง มีสรีระคร่ำคร่าเพราะชรา ฟันหัก ผมหงอกหลังโกง กายค้อมลง มือถือไม้เท้า เดินงกๆเงิ่นๆอยู่ พระโพธิสัตว์และสารถีต่างก็เห็นชายชรานั้น พระโพธิสัตว์ตรัสถามสารถี ครั้นฟังคำตอบของสารถีแล้วทรงดำริว่าความเกิดนี้น่าติเตียนยิ่งนัก เพราะชื่อว่าความแก่จักต้องปรากฏแก่สัตว์ผู้เกิดแล้วอย่างแน่นอน ทรงสังเวชพระทัย กลับจากพระราชอุทยาน เสด็จขึ้นสู่ปราสาททันที

วันรุ่งขึ้น พระโพธิสัตว์เสด็จไปพระราชอุทยานเหมือนเช่นเดิม ทรงเห็นคนเจ็บที่เทวดาเนรมิตขึ้น ตรัสถามสารถเหมือนกับวันก่อน สดับคำตอบของสารถีแล้ว ทรงสังเวชพระทัย เสด็จกลับจากพระราชอุทยาน แล้วเสด็จขึ้นสู่ปราสาท

วันที่สาม เสด็จไปพระราชอุทยานอีก ได้ทอดพระเนตรเห็นคนตายที่เทวดาเนรมิต จึงตรัสถามเหมือนนัยก่อนนั่นอีก ทรงสังเวชพระทัย แล้วเสด็จกลับขึ้นปราสาท

วันที่สี่ พระโพธิสัตว์เสด็จไปพระราชอุทยาน เห็นบรรพชิตนุ่งห่มเรียบร้อย ที่เทวดาเนรมิต จึงตรัสถามสารถีเช่นเคย สารถีแม้ไม่รู้จักนักบวช เพราะพระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติก็จริงอยู่ แต่กระนั้น สารถีก็ตอบไปโดยอานุภาพของเทวดาว่า ผู้นี้คือบรรพชิต พระเจ้าข้า แล้วพรรณนาคุณแห่งการบวช พระโพธิสัตว์เกิดความพอพระทัยในการบรรพชา เสด็จอยู่ในอุทยานตลอดวันนั้น ทรงสรงสนานในสระโบกขรณีอันเป็นมงคล ก่อนอาทิตย์อัสดง ประทับนั่งบนแผ่นศิลา มีพระทรงสรงสนานในสระโบกขรณีอันเป็นมงคล ก่อนอาทิตย์อัสดง ประทับนั่นบนแผ่นศิลา มีพระประสงค์จะแต่งพระองค์ พวกพนักงานภูษามาลาถือเอเครื่องอาภรณ์หลายชนิดนานัปการ และของหอม เครื่องลูบไล้ มายืนห้อมล้อมอยู่โดยรอบ

ท้าวสักกะ ทรงทราบกาลที่พระโพธิสัตว์ มีพระประสงค์จะเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ จึงเรียกวิสสุกรรมเทพบุตรมาตรัสว่า วิสสุกรรมผู้สหาย วันนี้เจ้าชายสิทธัตถะจักเสด็จออก มหาภิเนษกรมณ์ ในเวลาเที่ยงคืน การประดับนี้จะเป็นการประดับครั้งสุดท้ายของพระองค์ ท่านจงไปยังอุทยาน ตกแต่งพระโพธิสัตว์ด้วยเครื่องประดับอันเป็นทิพย์ วิสสุกรรมเทพบุตรทูลรับพระบัญชาแล้ว เข้าไปหาพระโพธิสัตว์ทันทีด้วยเทวานุภาพ ตกแต่งพระโพธิสัตว์ด้วยเครื่องอลังการที่เป็นทิพย์ พราหมณ์ทั้งหลายสรรเสริญด้วยคาถา อาทิว่า ขอพระองค์ทรงยินดีในชัยชนะ เหล่าข้าราชบริพารก็กล่าวสรรเสริญด้วยถ้อยคำอันเป็นมงคลนานัปการ พระโพธิสัตว์เสด็จขึ้นราชรถอันประเสริฐ กลับเข้าสู่พระนคร

พระโพธิสัตว์เสด็จขึ้นปราสาทแล้ว ทรงบรรทมบนพระแท่นไสยาสน์ เหล่าสตรีนักฟ้อน ผู้ประดับประดาด้วยเครื่องอลังการทั้งปวง เป็นผู้ชำนาญในศิลปะการฟ้อนรำและขับร้อง งามเลิศด้วยรูปโฉมประดุจเทพกัญญา ถือเครื่องดนตรีนานาชนิด พากันมาแวดล้อมพระโพธิสัตว์ให้อภิรมย์ยินดี ต่างพากันแสดงการฟ้อนรำ ขับร้อง และบรรเลง
พระโพธิสัตว์มีพระทัยเบื่อหน่ายในกามทั้งหลาย จึงมิทรงอภิรมย์ในการฟ้อนรำนั้น ครู่เดียวก็เข้าสู่นิทรา สตรีเหล่านั้นเห็นพระโพธิสัตว์บรรทมหลับ ต่างก็คิดว่าพวกเราประกอบการฟ้อนเป็นต้นนี้ เพื่อประโยชน์แก่เจ้าชายสิทธัตถะ แต่เจ้าชายพระองค์นั้นก็เข้าสู่นิทราแล้ว บัดนี้พวกเราจะลำบากเพื่อประโยชน์อะไร ต่างพากันวางเครื่องดนตรีที่ถือไว้ลง แล้วก็นอนหลับไปทั้งที่ประทีปน้ำมันหอมยังติดโพลงอยู่

พระโพธิสัตว์ตื่นจากบรรทม ประทับนั่งขัดสมาธิบนพระแท่น ทอดพระเนตรเห็นอาการต่างๆของสตรีเหล่านั้นในเวลาหลับ ก็ยิ่งมีจิตเบื่อหน่ายในกามทั้งหลายสุดประมาณ ปราสาทที่ประดับประดาตกแต่งแล้ว แม้จะงดงามเช่นกับภพของท้าวสักกะ ก็ปรากฏแก่พระโพธิสัตว์ประหนึ่งป่าช้าผีดิบ ที่กองเต็มไปด้วยซากศพนานาชนิด ภพทั้งสามปรากฏเหมือนเรือนถูกไฟไหม้ ทรงเปล่งอุทานว่า วุ่นวายจริงหนอ ขัดข้องจริงหนอ พระทัยก็น้อมไปเพื่อการบรรพชายิ่งขึ้น พระองค์มีพระดำริว่า วันนี้เราควรออกมหาภิเนษกรมณ์

เรียบเรียงจากหนังสือ พระพุทธประวัติ โดย สุรีย์ มีผลกิจ

Go to Top

กลับไปที่ภาพชุดที่ ๒